
ปัจจุบันนี้มีคนพูดถึงกันเยอะเลยกับ โพรไบโอติกส์ (Probiotics) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) จนหลาย ๆท่านคงเคยสงสัยใช่มั้ยว่า พรีไบโอติก (Prebiotic) นั้นคืออะไร? มีคุณประโยชน์และให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างไร?
เรามาทำความเข้าใจกับทั้งสองตัวกันก่อนนะคะ



รวมๆแล้ว จะว่าง่ายๆ ก็คือ พรีเป็นอาหารของโพร นั่นเอง ดังนั้นมันควรไปคู่กัน เพราะถ้ามีอาหารแต่ไม่มีคนกิน หรือมีคนกินแต่ไม่มีอาหาร คนกินก็อดตาย จุลินทรีย์หมดไป ขบวนการขาดตอนทำให้คนรุ่นใหม่ส่วนมากท้องผูกเพราะ อาหารที่บริโภคในปัจจุบัน โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป ที่นอกจากอุดมไปด้วยสารกันบูด กรรมวิธีเขาก็ต้องฆ่าเชื้อทุกสิ่งอย่างเพื่อให้เก็บไว้ได้นาน และแน่นอน จุลินทรีย์ตัวดีก้อหายไปด้วย และถึงจะมีผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ช่วยเพิ่มเติมจุลินทรีย์มากมาย แต่หากไม่มีอาหารให้เขา จุลินทรีย์ก็ลงไปตายในท้องเราอยู่ดี บางคนกินนมเปรี้ยว นมบูดก้อแล้ว ก็ไม่ได้ช่วย อะไรเท่าไหร่นัก ไม่ท้องเสีย กลายเป็นของเสียไปหมักหมมในลำไส้ต่อไปอีก ถ่ายไม่ออก เบ่งเยอะ เป็นริดสีดวงไปอีก จำต้องไปผ่าตัดอีก ดังนั้นหากปรับใช้วิถีชีวิตใหม่และลองหันมาใส่ใจสุขภาพดูจะช่วยปรับสมดุลของร่างกายได้ดีทีเดียว
ขอขอบคุณที่มา : เพจ Organic Bitch – แฉชีวิตออแกนิค