โรคไขมันพอกตับ คุณมีความเสี่ยงหรือไม่?

รู้หรือไม่? คุณเองก็อาจมีโอกาสเป็นโรคไขมันพอกตับ

เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะด้วยการรับประทานอาหารประเภทที่มีไขมันสูง หรือการปาร์ตี้สังสรรค์ที่ต้องมีแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซ้ำร้ายยังไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย จึงไม่แปลกที่อัตราการเกิดโรคไขมันพอกตับจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งโรคไขมันพอกตับสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนแม้ในเด็กวัยรุ่น แต่จะมีโอกาสเกิดมากขึ้นเมื่ออายุประมาณ 45 ถึง 50 ปีขึ้นไป เพราะอัตราการเผาผลาญอาหารเริ่มลดลง

รู้หรือไม่? คุณอาจมีโอกาสเป็นโรคไขมันพอกตับ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเชียงใหม่ ได้ใหห้ข้อมูลว่า โรคไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease) เป็นภัยเงียบที่มักไม่แสดงอาการ เกิดจากการที่ร่างกายได้รับไขมันเกินความต้องการ จนไขมันไปสะสมอยู่ในเซลล์ตับ ซึ่งตับคืออวัยวะสำคัญ ที่แค่เกิดความผิดปกติเพราะไขมันพอกสะสมเพียงเล็กน้อย ก็อาจส่งผลร้ายกลายเป็น ภาวะตับวาย และ มะเร็งตับ หรืออาจไปเพิ่มความรุนแรงทำให้โรคเรื้อรัง หลายๆ โรค ได้ผลการรักษาที่ไม่ดี เช่น โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดัน โลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ เกาต์ นิ่วในถุงน้ำดี เป็นต้น

ใครบ้างที่สุ่มเสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับ

  • ผู้เป็นโรคอ้วน น้ำหนักตัวมาก เสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับ
  • ผู้เป็นโรคเบาหวาน เสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับ
  • ผู้เป็นโรคไขมันในเลือดสูง เสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับ
  • ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ เสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับ
  • ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีรสหวานมากเกินไป เช่น ดื่มชาเขียวที่มีรสหวานแทนน้ำ เสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับ
  • ผู้ที่รับประทานยาและอาหารเสริมอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับ

ป้องกันโรคไขมันพอกตับได้ด้วยตัวเอง

  •  งดดื่มแอลกอฮอล์ ช่วยป้องกันโรคไขมันพอกตับ
  •  ออกกำลังกายวันละ 30นาที ช่วยป้องกันโรคไขมันพอกตับ
  •  ควบคุมน้ำตาล ดูแลรักษาโรคเบาหวาน ช่วยป้องกันโรคไขมันพอกตับ
  •  ดูแลควบคุมภาวะไขมันในเลือดสูง ช่วยป้องกันโรคไขมันพอกตับ
  •  ควบคุมอาหารประเภทไขมัน ช่วยป้องกันโรคไขมันพอกตับ
  • ทานอาหารมีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ และธัญพืช ช่วยป้องกันโรคไขมันพอกตับ
  • หลีกเลี่ยงการทานยาที่มีผลต่อตับ ป้องกันโรคไขมันพอกตับ

โรคไขมันพอกตับ อาจดูไม่อันตราย เพราะมักไม่แสดงอาการทางร่างกาย ในบางรายแค่มีสัญญาณเล็กน้อย เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ รู้สึกตึงบริเวณใต้ชายโครงขวา แต่นั่น…คือความร้ายกาจของโรคไขมันพอกตับนี้ เพราะรู้ตัวอีกทีอาจรักษาไม่ทัน

ง่ายๆ ลองบำรุงตับด้วยชาลิ้นจี่ ได้ เพราะในเม็ดและเปลือกของลิ้นจี่นั้นมีสาร Oligonol (โอลิโกนอล) ที่มีรายงานการศึกษาวิจัยแสดงว่าโอลิโกนอล มีผลดีต่อองค์รวมระบบต่างๆของร่างกาย กล่าวคือ เร่งการเผาผลาญไขมัน และลดการดูดซึมไขมัน เพิ่มการไหลเวียนระบบหัวใจและหลอดเลือด ลดปริมาณไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ในผู้ที่มีภาวะอ้วนลงพุง ลดการสะสมของไขมันในตับ (Fatty liver) กำจัดอนุมูลอิสระที่มากเกินไปในร่างกาย และเพิ่มความสดชื่น กระฉับกระเฉง ขจัดความอ่อนล้าทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย

ได้รับมาตราฐาน อย.
สั่งมากสั่งน้อยจัดส่ง 80บาท ราคาเดียวทั่วไทย
ติดตามรายละเอียด สั่งซื้อได้ที่ 👇🏻
WEBSITE : www.inwiangvalley.com
Line : https://bit.ly/2mLpi6O (@inwiangvalley)

❥เปิดรับตัวแทนจำหน่าย เริ่มต้นเพียง 10 ชิ้นจ้า‼️

สุขภาพไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แต่สำคัญ