‘จิงจูฉ่าย’ ไม่ใช่ทุกอย่างเป็นยาเทวดา โทษก็ยังมี ! โดย จอม ณ คลองลึก

จิงจูฉ่ายเป็นพืชล้มลุกจำพวกพืชผักสมุนไพร มีกำเนิดมาจากประเทศจีน เป็นไม้เล็กต้นคลุมดิน สูงประมาณ 1 ศอก

ลักษณะต้นมีรากแก้วใหญ่ มีรากแขนงเล็กๆ ยึดดินไว้มั่น เพื่อยึดแขนงที่แตกยอดรอบลำต้น ทั้งใบทั้งดอก ซึ่งงามเป็นพุ่มมากมาย เมื่อถอน 1 ต้น จะได้มาทั้งพุ่ม ดูๆ ก็คล้ายผักชีแต่ใหญ่กว่ามาก

จิงจูฉ่ายชอบดินร่วน จึงควรเพาะลงในดินที่เป็นใบไม้ผุผสมดินธรรมดา รดนำให้เพียงพอ

จิงจูฉ่ายชอบน้ำแต่ไม่แฉะ ปลูกในที่ร่มรำไร ทำให้ขึ้นง่ายและงอกงามเร็ว แตกยอดแตกใบสวยงาม ใบสีเขียวเข้มเป็นแฉก ต้นสีน้ำตาลม่วง มีกลิ่นหอมอ่อน

จิงจูฉ่ายเมื่อโตและแข็งแรงดีแล้วจะออกดอกเป็นช่อยาว มีช่อแขนงเล็กๆ แตกจากแกนช่อ เป็นสีขาว เมื่อดอกบานและโรยแล้วติดเมล็ด แก่จัดแล้วร่วงลง ถึงดินก็เกิดเป็นต้นต่อไป

จิงจูฉ่ายมาจากประเทศจีน พ่อครัวจีนแต้จิ๋วนำมาทำอาหารกินกันจนแพร่หลาย เช่น เกาเหลาเลือดหมู กินกันจนนิยมมานาน จนคนรู้จักจิงจูฉ่าย ภาษาอังกฤษเรียก White Mugwort บางคนเรียกเซเลอรี่ (celery) เป็นผักมีประโยชน์ ใช้ทำอาหารได้ทั้งคาวหวาน เช่น เกาเหลาเลือดหมู แกงจืด แกงเผ็ด ยำ และ ยังกินสด เป็นผักจิ้มเครื่องจิ้มได้ทุกชนิด ส่วนของหวานก็ผสมทำเป็นวุ้น คุกกี้ เค้ก นอกจากนี้ยังทำเครื่องดื่มใบชาชง ชุบแป้งทอดกรอบ และกินดิบๆ ก็ได้ เรียกว่า อเนกประสงค์ของพืชชนิดนี้

จิงจูฉ่ายเป็นยาเย็น (หยิน) รสขมนิดหน่อย แต่มีกลิ่นหอมที่เป็นประโยชน์ เนื่องจากใบและลำต้นมีน้ำมันหอมระเหย เข้าตัวยารักษาโรคได้หลายชนิด กินง่าย เด็ดจากต้นแล้วเคี้ยวกินก็ได้ กินกับของว่าง เช่น สาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ ข้าวตังหน้าตั้ง หรือขนมช่อม่วงก็อร่อย

จิงจูฉ่ายมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Artemisia Lactiflora อยู่ในวงศ์ ASTERACEAE บางคนเรียกโกศจุฬาลัมพา ถ้าใครไม่รู้จักจิงจูฉ่าย โปรดนึกถึงต้นขึ้นฉ่าย (ผักชีใหญ่) ซึ่งคล้ายกันแต่ขึ้นฉ่ายสีอ่อน กิ่งก้านยาว บอบบางกว่า และเนื้อหลวมกว่า

จิงจูฉ่ายให้ประโยชน์โดยตรง คือเป็นผักสมุนไพรให้ประโยชน์ทางยา กินรักษาโรคเบาหวาน แก้เม็ดผดผื่นคัน ป้องกันรักษาอวัยวะภายใน ฟอกเลือด ขับสารพิษ แก้อักเสบ ที่สำคัญที่สุดคือสารในจิงจูฉ่ายนั้นสามารถต้านมะเร็ง ทั้งต่อต้านและรักษามะเร็งทุกชนิด เคยเห็นคนเป็นมะเร็งทรวงอก แม้ผ่าตัด กินยาแล้ว ผู้ป่วยแผลก็ยังชื้น พอเขากินจิงจูฉ่าย นำมาปั่นเป็นน้ำสีเขียวประมาณค่อนแก้ว ราวๆ 150 CC กินอยู่ 1 สัปดาห์เท่านั้น แผลก็แห้งหายเกือบเป็นปรกติ

จิงจูฉ่ายมีประโยชน์มหาศาล น่าจะปลูกไว้ทุกบ้าน และขยายพันธุ์กันต่อไป ขึ้นก็ง่าย เก็บไว้ได้นาน ใครยังแข็งแรงดีก็กินไว้ป้องกัน ถ้าใครไม่แข็งแรง เจ็บป่วยก็จะได้รักษาไปด้วย ประโยชน์โดยตรงมีสารพัด โดยเฉพาะรักษาโรคมะเร็ง ฆ่าเชื้อไวรัส และปราบอนุมูลอิสระ แต่แปลกที่ว่า ห้ามหญิงมีครรภ์ ถ้าดื่มเข้าไปจะมีอันตรายต่อเด็กในท้อง ยังไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด

ในประเทศไทยนี้เป็นแผ่นดินทองแท้จริง พืชผักผลไม้ก็สามารถเป็นยารักษาโรคได้ แต่ต้องกินให้ถูกวิธี เพราะแม้จิงจูฉ่ายที่มีประโยชน์มากมายหลากหลายนี้ แต่เนื่องจากจิงจูฉ่ายมีฤทธิ์เป็นยาเย็น ถ้ากินมากและนานเกินไปจะกลายเป็นความดันต่ำ ต้องรักษากันอีก นี่คือประสบการณ์ที่เห็นมา คุณอนันต์ก็โทษมหันต์ ดังนั้น ผูกจะใช้สมุนไพรต้องระวังรักษาตนเองเพราะไม่ใช่ทุกอย่างเป็นยาเทวดา โทษก็ยังมี ต้องรู้จักปรับสมดุลในตัวเองด้วย